“ ภาษา A เขียนด้วยภาษา B” หมายความว่าอะไร?

ผมมักจะได้ยินคำว่าภาษาเป็นสิ่งที่เขียนในภาษา B. ตัวอย่างเช่นPHPได้รับการเขียนC , C #จะถูกเขียนในภาษา C ++

ใครช่วยกรุณาอธิบายสิ่งนั้นหมายความว่าและถ้ามันถูกต้อง? สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการแปลของล่ามที่ใช้โดยภาษาหรือไม่?

นอกจากนี้ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ภาษาที่ใช้ในการเลือกใช้ถูกสร้างขึ้น

ภาษาการเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสองประเภท: การตีความและภาษาที่รวบรวม

ภาษาที่คอมไพล์แปลโดยคอมไพเลอร์เป็นรหัสเครื่องภาษาที่ซีพียูจะดำเนินการโดยตรงเป็นขั้น ๆ ในทางกลับกันภาษาที่ตีความจะใช้ตัวกลางซึ่งเป็นล่ามเพื่อเรียกใช้รหัสภาษา ล่ามเป็นอีกโปรแกรมหนึ่งโดยปกติแล้วตัวเองจะรวบรวมรหัสเครื่อง

PHP เป็นภาษาที่ตีความ คุณต้องมีโปรแกรมแยกต่างหากเพื่อใช้งานโค้ด PHP คอมพิวเตอร์ไม่ได้รันโปรแกรมโดยตรง โปรแกรมที่แยกต่างหากนั่นคือตัวแปล PHP นั้นเขียนด้วยตัวเองใน C

C # เป็นภาษาที่รวบรวม แต่ไม่ได้รวบรวมไปยังรหัสเครื่อง แต่จะรวบรวมเป็นภาษาผู้เชี่ยวชาญรหัสไบต์ที่จะทำงานบนเครื่องเสมือน Java เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการตั้งค่าดังกล่าว คุณสามารถเห็นมันเป็นลูกผสมระหว่างการรวบรวมและการตีความที่ซึ่งเครื่องเสมือนเป็นล่าม เครื่องเสมือนสำหรับ C # (CLI หรือโครงสร้างพื้นฐานภาษาทั่วไป ) เขียนด้วย C ++

ตัวอย่างอื่น ๆ :

• Python: Python interpreter รวบรวมรหัส Python เป็น Python bytecode จากนั้นตีความ bytecode ล่ามตัวเองจะถูกเขียนใน C. การใช้งานใหม่ได้ตั้งแต่รับการเพิ่มรวมทั้งคนหนึ่งที่รวบรวมหลามเพื่อให้ทำงานบน CLI เดียวกับที่ใช้สำหรับ C # เรียกว่าIronPythonและคนที่วิ่งบนเครื่องเสมือน Java, Jython ให้เสร็จสมบูรณ์วงกลมที่มีรุ่นหลามเขียนใน (ส่วนหนึ่งของ) งูหลามPyPy
• Ruby: Ruby เริ่มต้นจากการตีความภาษาล้วนๆ แต่เวอร์ชั่นล่าสุดเปลี่ยนเป็นการใช้ bytecode สำหรับทับทิมเกินไปมีโครงการที่รวบรวมเพื่อ CLI ชื่อIronRuby , และหนึ่งสำหรับ Java VM, JRuby

คุณพูดถูกแล้ว หากมีการกล่าวว่าทับทิมเขียนเป็นภาษาซีหมายความว่าล่ามภาษาและส่วนต่าง ๆ ของไลบรารีหลักถูกเขียนเป็น C

ดังนั้นล่าม Ruby จึงเป็นโปรแกรม C ที่รับไฟล์ข้อความเป็นอินพุตประมวลผลแล้วเรียกใช้ฟังก์ชันที่อยู่ในไฟล์ข้อความอื่น (ถ้าเขียนเป็น Ruby) หรือเป็นรหัส C ที่คอมไพล์เช่นเดียวกับฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ต้องการ เพื่อเข้าถึงทรัพยากรระบบโดยตรงเช่นหน่วยความจำระบบไฟล์และอื่น ๆ และฟังก์ชั่นบางอย่างที่ต้องการประสิทธิภาพสูงมาก

ดังนั้นคุณมีส่วนต่าง ๆ ของภาษาที่สามารถหรือต้องเขียนในภาษาอื่น ไม่มีอะไรที่จะป้องกันไม่ให้คุณเขียนล่ามใน C และไลบรารี่ใน C ++ (แต่อาจทำให้บางสิ่งยากขึ้น) คุณสามารถมีหลายขั้นตอนและใช้ภาษาที่ดีมากในการประมวลผลข้อความเพื่อสร้างข้อมูลกลางซึ่งจะถูกประมวลผลด้วยรหัส C บางอย่าง

ปัจจัยสำหรับการตัดสินใจอาจเหมือนกับแอพพลิเคชั่นที่ซับซ้อนอื่น ๆ ประสิทธิภาพเป็นหนึ่งเดียว ความสามารถในการเขียนโค้ดที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรของระบบได้โดยตรงอีกด้วย ดังนั้นในกรณีส่วนใหญ่จะต้องเป็นภาษาที่รวบรวม (แม้ว่าในทางทฤษฎีคุณสามารถเขียน Ruby interpreter ใน Python ได้) ความพร้อมใช้งานในระบบต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการให้ภาษาของคุณทำงานบน Linux, Win, OS X และอื่น ๆ

มันก็หมายความว่าส่วนใหญ่ของแกนของภาษาที่เขียนในภาษาของบีอะไร "แก่นของภาษา" อาจแตกต่างจากภาษาภาษา แต่ในแง่ทั่วไปที่คุณคิดว่าเหมาะสมก็หมายความว่ามันเป็นคอมไพเลอร์หรือล่าม ปัจจัยในการตัดสินใจในการเลือกภาษาเพื่อเขียนภาษาอื่นคือเกือบทุกโครงการภาษาที่นักพัฒนาคุ้นเคยกับ

ที่กล่าวว่า "ภาษา A เขียนด้วยภาษา B" เป็นการใช้งานที่มากเกินไปสำหรับภาษาที่ทันสมัยที่สุด ถ้าเราใช้ Python เป็นตัวอย่างในขณะที่การใช้งานอ้างอิงCPythonนั้นถูกเขียนใน C มีการใช้งานที่เขียนในภาษาอื่นเช่นJython (เขียนใน Java), IronPython (เขียนใน C #), PyPy (writen ใน Python) CLPython (เขียนด้วย Common LISP), Stackless Python (เขียนด้วยภาษา C และ Python) และUnladen Swallow (เขียนด้วยภาษา C ++)

ภาษาการเขียนโปรแกรมเป็นคำจำกัดความและตามตัวอย่างของ Python แสดงว่าไม่มีข้อ จำกัด ใด ๆ เกี่ยวกับภาษาที่สามารถคอมไพเลอร์, ล่ามและไลบรารี่และแน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่ภาษาจะเขียนด้วยตัวเอง ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าความร่วมมือ

จากมุมมองของการใช้ภาษาการเขียนโปรแกรมภาษาการเขียนโปรแกรมเป็นเพียงโปรแกรม อาจเป็นคอมไพเลอร์หรืออาจเป็นล่ามหรืออาจเป็นเครื่องเสมือนบางประเภท ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์และสามารถเขียนในภาษาใดก็ได้

ดังนั้นหากคุณต้องการสร้าง PHP เวอร์ชันของคุณเองคุณอาจเริ่มด้วยภาษาใดก็ได้ที่คุณพูดได้คล่องที่สุดจากนั้นคุณจะเขียนโปรแกรมที่สามารถอ่านโค้ดที่จัดรูปแบบ PHP และทำตามที่ PHP ระบุว่าโปรแกรมของคุณควรทำ . คุณกำลังสร้างภาษา PHP ในภาษา X

ประโยคที่คล้ายกันมากที่มีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือ "การเขียนภาษา A ในภาษา B" เช่น "การเขียน C ใน Java"

สิ่งนี้อธิบายรหัสที่ถูกต้องทางไวยากรณ์ในภาษาหนึ่ง แต่ใช้โครงสร้างสำนวนและการประชุมจากภาษาอื่น ในตัวอย่าง "การเขียน C ใน Java" เครื่องหมายของสิ่งนี้จะประกาศตัวแปรท้องถิ่นทั้งหมดที่ด้านบนของแต่ละวิธีโดยใช้ค่าคงที่จำนวนเต็มแทน enums โดยใช้ identifiers_with_underscores เป็นต้น

ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนได้ทำงานร่วมกับภาษาหนึ่งเป็นเวลานาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ทำงานเพียงด้วยภาษานั้น) และเป็นของใหม่มากในภาษาปัจจุบัน (หรือไม่สนใจในการเขียนรหัสสะอาด)

เทคโนโลยีเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เราเริ่มต้นด้วยเครื่องมือง่ายๆแล้วใช้เครื่องมือเหล่านั้นเพื่อสร้างสิ่งที่ดีกว่า ภาษาแอสเซมบลีแรกนั้นแปลได้ค่อนข้าง 1: 1 ของคำสั่งมาตรฐานสำหรับชิป; สถาปัตยกรรม 8086 และแอสเซมเบลอร์ของมันโดดเด่นเหนือสถาปัตยกรรมอื่น ๆ เช่น Z80, RISC เป็นต้นดังนั้นเราจึงเริ่มพัฒนาภาษาที่สามารถย่อยได้เป็น 8086 แอสเซมบลีเช่น FORTRAN, COBOL, Pascal และ C. โปรแกรมที่ตีความซอร์สโค้ดของ ภาษาเหล่านี้จะต้องมีการเขียนในสิ่งดั้งเดิมมากขึ้นมิฉะนั้นคุณจะจบลงด้วยการโต้เถียงไก่และไข่; หากซอร์สโค้ดสำหรับคอมไพเลอร์ C ตัวแรกถูกเขียนด้วย C ดังนั้นอะไรที่คอมไพล์ซอร์สโค้ด C นั้นและโดยที่ไม่นิยามว่าจะเป็นคอมไพเลอร์ C ตัวแรก?

โดยทั่วไปควรเขียน "C # เป็น C ++" เพื่อแปลว่าคอมไพเลอร์ตัวแรกและ / หรือที่นิยมมากที่สุดและ runtime / core library ที่เชื่อฟังข้อกำหนดของภาษา C # (เหล่านั้นเป็น. NET Framework ของ Microsoft และคอมไพเลอร์บรรทัดคำสั่ง โปรแกรม CSC.exe) เขียนด้วยภาษา C ++

"ภาษา A เขียนด้วยภาษา B" หมายความว่าการใช้ภาษา A (หรือภาษาเดียวที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย) คือภาษาที่เป็นโครงการที่พัฒนาในภาษา B และเป็นภาษาที่สมบูรณ์ทันสมัย ข้อมูลจำเพาะของ A คือซอร์สโค้ด B ซึ่งใช้มันหากว่าเอกสารและโปรแกรม B ไม่เห็นด้วยโปรแกรม B มักจะถือว่าถูกต้อง